สิ่งสวยงามที่แปลกใหม่ของประเทศเกาหลี เริ่มต้นการเดินทางในไปท่องเที่ยว เก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่ดีมาเป็นแรงผลักดันให้กับชีวิตของคุณ การเดินทางในแต่ละประเทศเราก็จะได้ความคิดใหม่ๆกลับมาเสมอ อย่างการเดินทางไปในทวีปตรงข้ามของเรา เราก็จะได้วัฒนธรรมที่แปลกใหม่กลับมา หรือแม้แต่การเดินทางไปในประเทศที่อยู่ในทวีปเอเซียอย่างประเทศเกาหลี นอกจากจะได้ความเป็นเอกลักษณ์ที่มองแล้วจะรู้เลยว่า แบบนี้เป็นของชนชาติของประเทศเขา ซึ่งเมื่อเราเดินทางไปประเทศนี้ สิ่งแรกที่เราเห็นเลยคือบรรยายที่แสนสงบสุขและโรแมนติก เหมือนในซีรีย์ที่เราเคยได้ดูกันมา เมื่อได้มาเจอจะรู้สึกฟินรี่มาก เหมือนตัวเองเป็นหมอคัง แล้วกำลังเจอกัปตันยู ซึ่งคงเป็นเรื่องราวที่พร้อมจะบรรยายกลับมาบอกคนอื่นได้เป็นอย่างดี เดินทางท่องเที่ยวในความฝันกับประเทศเกาหลี และนอกเหนือจากเรื่องตามรอยซีรีย์แล้วประเทศเกาหลีนี้ที่ขึ้นชื่อเรื่องของแฟชั่นใหม่ๆให้คนในแถบทวีปเอเซียได้ติดตามกันเป็นอย่างมาก ซึ่งเราจะเห็นได้เลยว่าประเทศนี้จะมีแฟชั่นที่นำสมัย แปลกใหม่ และดูสวยงามมาก เพราะประเทศนี้จะเสรีเรื่องของการแต่งตัว แต่อาจจะไม่ถึงขั้นฝั่งยุโรป เพราะก็ยังมีความเป็นเอเซียอยู่บ้าง ซึ่งการแต่งตัวของประเทศนี้จะเน้นสีสันที่ดูเข้ากันทั้งชุด และสิ่งอาจจะไม่โดดเด่นมาก แต่เมื่อสวมใส่แล้วดูมีความเก๋กู๊ด จึงทำให้แฟชั่นเกาหลีมาแรงมากในประเทศไทยและในเอเซีย และของกินขึ้นชื่อที่มาเกาหลีแล้วไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง นันคือ ขนมพื้นเมือง ขนมพื้นเมืองของเกาหลีส่วนมากทำจากแป้งต็อก มีมากมายหลายแบบและชื่อเรียกแตกต่างกันออกไป คนเกาหลีเองก็นิยมซื้อขนมพื้นเมืองเหล่านี้ให้แก่กันในวันสำคัญๆ อย่าง ขนมฮวาจอน ขนมที่นิยมในฤดูใบไม้ผลิ ฤดูที่ดอกไม้ผลิบาน เพราะว่าเป็นขนมที่ทำจากแป้งต็อก วางด้วยกลีบดอกไม้ แล้วนำลงไปทอดในกระทะแบนจนแป้งสุก เป็นขนมที่ดูเรียบง่ายแต่มาพร้อมกับความอบอุ่นเมื่อได้นำไปฝากคนที่เรารัก หรือ ขนมกุลต็อก ทำจากแป้งต็อกที่นวดจนได้ที่แล้วใส่สีผสมอาหารสีสันต่างๆ ส่วนมากนิยมสีชมพู เขียว และเหลือง ห่อด้วยใส้ด้านในคือน้ำตาลทรายแดงผสมงา ปั้นเป็นรูปทรงต่างๆ โดยส่วนมากนิยมปั้นให้เป็นแบบในรูป แล้วนำไปนึ่ง เนื้อของขนมนี้จะนุ่มๆนิ่มๆเหนียวๆ มีความเป็นKoreaอย่างมาก ไม่ว่าจะไปช๊อปให้เพลิดเพลินใจ หรือจะไปตามรอยความรักจากซีรีย์ที่ชื่นชอบ รับรองว่าคุณจะได้ความประทับใจอย่างเต็มร้อยแน่นอน

ประเทศเกาหลีนั้นเป็นประเทศที่ได้รับความนิยมในการเดินทางมาท่องเที่ยวเป็นอย่างมากโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวไทย ที่หลายคนตั้งใจว่าในชีวิตนี้ครั้งหนึ่งต้องได้มาเยือนแดนกิมจิแห่งนี้ให้ได้ เนื่องจากเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและเอกลักษณ์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของศิลปวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ประเพณี การแต่งกาย อาหาร อีกทั้งยังเป็นแหล่งช็อปปิ้งแหล่งหนึ่งของเอเชียอีกด้วย สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวในประเทศเกาหลีที่พลาดไม่ได้นั่นก็คือ พระราชวังทั้ง 5 ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่แสดงหลักฐานถึงความสวยงามและความรุ่งเรืองของศิลปวัฒนธรรมในอดีตของประเทศเกาหลี โดยพระราชวังทั้ง 5 นั้น ประกอบด้วย พระราชวังคยองบก พระราชวังชางด๊อก พระราชวังท็อกซู พระราชวังชางเกียง เเละ พระราชวังกยองฮุย ซึ่งพระราชวังทั้ง 5 นี้เป็นพระราชวังโบราณที่มีความสวยงามที่แตกต่างกันไป

พาครอบครัวเที่ยวสวนสนุก Lotte World ที่เกาหลี ประเทศเกาหลีนั้นเป็นประเทศที่สามารถเดินทางมาท่องเที่ยวได้หลายรูปแบบ โดยอาจจะต้องมีการวางแผนการเดินทางกันสักหน่อยว่าจะเดินทางมากี่วัน เพื่อที่จะสามารถวางแผนให้สามารถเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ได้อย่างหลากหลายสถานที่และหลากหลายแนว ไม่ว่าจะเป็นการช็อปปิ้งย่านใจกลางเมือง การท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ความสวยงามของต้นไม้ และใบไม้ การเที่ยวชมความสวยงามของศิลปวัฒนธรรม ความเป็นมาของประวัติศาสตร์และประเพณีโบราณ ความสวยงามของวัดวา พิพิธภัณฑ์ รวมถึงยังมีสวนสนุกให้ได้ท่องเที่ยวกันซึ่งเหมาะสำหรับคนที่เดินทางมาเที่ยวเกาหลีเป็นครอบครัว โดยเฉพาะหากมีเด็กๆ เดินทางมาด้วยแล้วล่ะก็รับรองว่าต้องได้รับความสนุกสนานและความเพลิดเพลินกันอย่างเต็มเปี่ยมได้แน่นอน Lotte World หรือ สวนสนุกล็อตเตเวิลด์ เป็นสวนสนุกในกรุงโซล ซึ่งพื้นที่ภายในจะประกอบไปด้วยสวนสนุก 2 โซนใหญ่ๆ คือ สวนสนุกในร่มซึ่งเป็นสวนสนุกขนาดใหญ่ในเกาหลีที่ติดอันดับโลก ซึ่งโซนนี้จะเป็นโซนของสวนสนุกที่เหมาะสำหรับเด็กเล็กอีกทั้งยังมีลานสเก็ตน้ำแข็งไว้บริการอีกด้วย ส่วนโซนที่ 2 คือ สวนสนุกกลางแจ้งนั้นเป็นสวนสนุกที่สร้างเป็นเกาะอยู่กลางทะเลสาบซอกชน ซึ่งเต็มไปด้วยเครื่องเล่นมากมายหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นรถไฟเหาะ รถไฟความเร็วสูง ชิงช้า ม้าหมุน บ้านผีสิง และเครื่องเล่นอื่นๆ อีกมากมาย รวมทั้งยังมีขบวนพาเรดของตัวการ์ตูนและนักแสดงมากมาย ให้ได้ชมเป็นสีสันกันซึ่งขบวนพาเหรดเหล่านี้จะมีการสลับสับเปลี่ยนกันไปตามช่วงเวลา และตามช่วงของเทศกาล โดยในเดือนมีนาคม ถึง เมษายน จะเป็นเทศกาลหน้ากาก, เดือนกรกฎาคม ถึง สิงหาคม จะเป็นเทศกาลคานิวัล แซมบ้า, เดือนกันยายน ถึง ตุลาคมจะเป็นเทศกาลฮัลโลวีน และเดือนพฤศจิกายน ถึง ธันวาคม จะเป็นเทศกาลคริสมาสต์ ซึ่งรับรองว่าไม่ว่านักท่องเที่ยวจะเดินทางมาเที่ยงยังสวนสนุกล็อตเตเวิล์ดในประเทศเกาหลีแห่งนี้ในช่วงเวลาใด ก็จะได้ถ่ายรูปกันอย่างเพลิดเพลิน และเป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆ กันอย่างแน่นอน อีกทั้งภายในสวนสนุกแห่งนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ให้ได้เดินเที่ยวเล่นกัน ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า โรงแรม พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านของเกาหลี โรงภาพยนตร์ และยังมีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำอีกด้วย นับว่าเป็นการมาเที่ยวสวนสนุกที่คุ้มค่ามากๆ เมื่อเดินเล่นสวนสนุก รวมถึงเล่นเครื่องเล่นกันอย่างเหน็ดเหนื่อยแล้ว สิ่งที่ต้องคู่กับการมาเที่ยวสวนสนุกนั่นก็คือ การรับประทานไอศกรีม และป๊อปคอร์น ซึ่งบอกเลยว่ามาเยือนเกาหลีทั้งที ก็ควรที่จะลิ้มลองรสชาติของไอศกรีมและป๊อปคอร์นของที่นี่กัน ซึ่งไอศกรีมก็มีให้เลือกมากมายหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นไอศกรีมแบบเม็ด ซึ่งมีลักษณะเป็นเม็ดเล็กๆ ซึ่งอาจจะดูแตกต่างจากบ้านเรา ซึ่งบอกเลยว่าควรจะลองชิม รับรองว่าต้องช่วยให้คลายร้อนจากการเดินเล่นสวนสนุกกันได้อย่างแน่นอน

สวนสนุกเอเวอร์แลนด์ ไฮไลท์การท่องเที่ยวในประเทศเกาหลี สำหรับคนที่ชอบเที่ยวสวนสนุก หรือคนที่กำลังวางแผนการมาท่องเที่ยวยังประเทศเกาหลีนั้น บอกเลยว่าห้ามลืมใส่สวนสนุกเอเวอร์แลนด์ไว้ในทริปอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะสำหรับคนที่เดินทางมาเป็นครอบครัว เพราะรับรองว่าจะได้รับความเพลิดเพลินและความสนุกสนานกันอย่างแน่นอน แต่บอกก่อนว่าสำหรับใครที่กำลังวางแผนการเดินทางมายังสวนสนุกแห่งนี้อาจจะต้องเผื่อเวลาในการมาเที่ยวไว้อย่างน้อยสักครึ่งวัน จึงจะเที่ยวได้อย่างคุ้มค่า สวนสนุกเอเวอร์แลนด์นั้นเป็นสวนสนุกกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเกาหลี ซึ่งภายในแบ่งออกเป็น 3 พื้นที่ใหญ่ๆ ได้แก่ โซนเครื่องเล่นหวาดเสียว ซึ่งมีเครื่องเล่นให้เลือกเล่นกันอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Double Desk Spin, รถไฟเหาะ, Eagle’s Fortress, ล่องแก่งในป่าอเมซอน, ชิงช้าสวรรค์, ม้าหมุน และรถบั๊ม ส่วนไฮไลท์ของเครื่องเล่นในสวนสนุกเอวเอร์แลนด์แห่งนี้ก็คือรถไฟเหาะ T Express ที่เป็นรถไฟเหาะไม้ที่สูงที่สุดในโลกซึ่งอยู่ที่ประเทศเกาหลีแห่งนี้ มีความชัน 77 องศา และวิ่งด้วยความเร็ว 104 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งสามารถเลือกเล่นกันได้ตามใจชอบ แต่สำหรับเครื่องเล่นบางชนิดโดยเฉพาะ T Express อาจจะต้องต่อคิวกันยาวสักหน่อย เพราะถือเป็นไฮไลท์ของนักเล่นเครื่องเล่นที่จะไม่พลาดเมื่อมาถึงสวนสนุกแห่งนี้ โซนที่ 2 ซึ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวไม่แพ้โซนแรกนั่นคือ โซนของสวนดอกไม้ที่มีการแต่งสวนด้วยดอกไม้นานาชาตินานาพันธุ์ที่มีความสวยงามตลอดทั้งปี โดยในเดือนเมษายนจะเป็นเทศกาลดอกทิวลิปและดอกซากุระ เดือนพฤษภาคม ถึง มิถุนายน เป็นเทศกาลดอกกุหลาบและดอกลิลลี่ ส่วนเดือนกันยายน ถึง ตุลาคม เป็นเทศกาลดอกเบญจมาศ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาเล่นเครื่องเล่นและชมความงามของสวนดอกไม้ที่เปลี่ยนไปได้ตลอดทั้งปี ส่วนโซนสุดท้ายเป็นโซนที่รับรองว่าเด็กๆ ต้องชื่นชอบ นั้นคือพื้นที่ของสวนสัตว์ซาฟารี ที่มีสัตว์ต่างๆ ให้ชมกันอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเสือ ไลเกอร์ หมีขาว เพนกวิน นกมากมายหลายชนิด งู และสัตว์อื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งรับรองว่าเด็กๆ จะได้ดูกันเพลินเลยทีเดียว ซึ่งภายในสวนสนุกจะมีการตกแต่งอย่างสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นสิ่งก่อสร้างด้วยสถาปัตยกรรมที่แต่งต่างกันไป อย่างเช่น บ้านที่มีการตกแต่งด้วยคอนเซปต์ของนิทานอีสป หรือตึกที่ตกแต่งด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรม เมโสโปเตเมีย เรอเนสซองส์ รวมไปถึงแบบโมเดิร์น ซึ่งหากได้มาเยือนสวนสนุกแห่งนี้ จะถือเป็นการได้มาเที่ยวเกาหลีอย่างคุ้มค่ามาก สำหรับใครที่เล่นเครื่องเล่นจนหิวภายในสวนสนุกแห่งนี้ ก็มีร้านอาหารให้เลือกรับประทานกันอย่างมากมายทั้งอาหารเกาหลี และอาหารนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็นข้าวหน้าแกงกะหรี่ ไก่ผัดซอส หรือจะเป็นอาหารประเภทฟาสต์ฟู้ด ก็มีให้เลือกรับประทานกันได้ตามใจชอบ

Seoul Tower ที่เที่ยวที่ไม่ควรพลาดในเกาหลีมีว่างไรดีมาดูกัน หากพูดกันถึงประเทศเกาหลีหลายคนอาจจะบอกว่าอยากไปจัง ยังไม่เคยไปเลย หรือบางคนที่เคยไปมาแล้วอาจจะอยากกลับไปอีกครั้ง ด้วยเหตุผลนานับประการแต่สิ่งที่สำคัญที่คนส่วนใหญ่ไปเที่ยวแล้วอยากไปอีกครั้งน่าจะเป็นในเรื่องของความประทับใจในการไปเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวอันขึ้นชื่อของเกาหลีซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ Seoul Tower ซึ่งเป็นหอคอยของเกาหลีที่ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่เลยก็ว่าได้ที่เมื่อมาแล้วจะต้องไม่พลาดที่จะไปถ่ายรูปกันที่นี่เป็นอันขาดรวมไปถึงสิ่งที่เป็นสัญลักษณ์หรือสิ่งที่หลายต่อหลายคนมาแล้วต้องทำกันก็คืออะไรเอ่ย อุบไว้ก่อนเดี๋ยวเราค่อยมาบอกกันดีกว่า ไม่อย่างนั้นจะไม่ตื่นเต้น ส่วนในเรื่องของอาหารการกินแถว Seoul Tower ที่ถือได้ว่ามีอยู่หลากหลายให้เลือกสรรกันเลยทีเดียว ซึ่งเราจะได้มากล่าวกันในส่วนถัดไปเพื่อแนะนำร้านอาหารหรือของกินกัน ก่อนอื่นเลยเรามาดูประวัติความเป็นมาของ Soul Tower กันก่อนซึ่งที่นี่เปิดให้เข้าชมมา 15 ตุลาคม 1980 และได้กลายเป็น LANDMARK ของเกาหลีไปเมื่อปี 2005 และได้มีการปรับปรุงเปลี่ยนชื่อเป็น N Seoul Tower อีกทั้งยังได้มีการแสดงเพิ่มเติมในยามค่ำคืนให้กับเหล่าบรรดาผู้ขึ้นตึกและข้างล่างได้รับชม นั่นก็คือ การแสดงโชว์แสงสีเสียงที่เรียกว่า Flower of Seoul โดยเริ่มกันตั้งแต่เวลา 19:00-24:00 น. ซึ่งสิ่งสำคัญที่คนส่วนใหญ่จะมาทำกันก็คือการนำกุญแจมาคล้องไว้รอบหอคอยซึ่งถือกันว่าหากคล้องที่นี่แล้วความรักจะอยู่แน่คงนานตลอดไป แต่จริงๆแล้วก็แล้วแต่คนนะหากรักกันดีก็ไม่จำเป็นต้องเอาอะไรมาคล้องหรอก แต่ก็อย่างว่าเขาทำกันก็ทำตามไงก็ไม่ผิดนี่นา โดยร้านอาหารที่หอคอย Seoul Tower ที่เกาหลีนี้ก็มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 ร้านโดยร้านแรกชื่อว่าร้าน N TERRACE อยู่ที่ชั้น PLAZA 1F ของที่นี่โดยอาหารก็มีทั่วไปแต่จุดเด่นจะอยู่ที่มีวิวที่สามารถมองเห็นแม่น้ำฮันแบบชัดๆ โดยอาหารจะมีทั้งของหวานและของคาวรวมไปถึงเครื่องดื่มประเภทต่างๆ และเบียร์อีกด้วย ส่วนร้านต่อมาจะเป็นร้านอาหารประเภทร้านอาหารจานเดียวชื่อ Food Clock ซึ่งสวนใหญ่แล้วจะเน้นเป็นพวกอาหารจานเดียวให้ความสะดวกและรวดเร็วกับผู้ที่มาใช้บริการทานอาหารกันที่นี่ซึ่งจะได้บรรยากาศไปอีกแบบโดยร้านจะอยู่ที่ชั้นล่างของตึกนี้ที่ Seoul Tower และอีกร้านจะเป็นร้านอาหารแบบเบอร์เกอร์ ฟาสต์ฟู้ดต่างๆ ซึ่งก็สามารถเลือกอิ่มหนำสำราญกันได้แบบอยู่ในตึกเดียวกันเลยทีเดียวและก็กลับที่พักแล้วค่อยว่ากันต่อวันใหม่จ้า