เมื่อพูดถึงการมาท่องเที่ยวยังประเทศเกาหลีแล้ว หลายคนจะคิดถึงแต่เรื่องของการช้อปปิ้ง ตามรอยซีรีย์ และเรื่องอาหารการกิน แต่ความจริงแล้วประเทศนี้ยังมีการท่องเที่ยวอีกหลากหลายแนว ไม่ว่าจะเป็นการเที่ยวชมศิลปวัฒนธรรมในพระราชวัง พิพิธภัณฑ์ รวมถึงยังมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติมากมายหลายแห่งอีกด้วย วันนี้เราจะพาทุกท่านไปเปิดมุมมองใหม่สำหรับการท่องเที่ยวเกาหลี เพราะเราจะพาคุณไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติพูกันซาน อุทยานแห่งชาติขนาดใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงโซล อุทยานแห่งชาติพูกันซานแห่งนี้ ตั้งอยู่บนเทือกเขาพูกันซาน ซึ่งมีลักษณะเป็นภูเขาหินแกรนิตลูกใหญ่มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 1,600 เมตร ซึ่งอุทยานแห่งชาติแห่งนี้เป็นสถานที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่นิยมและชื่นชอบการปีนเขา รวมถึงนักดูนก เนื่องจากในอุทยานมีนกที่หาดูได้ยากหลากหลายสายพันธุ์ รวมถึงบริเวณยอดเขาพูกันซานยังมีสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรม ได้แก่ ป้อมปราการพูกันซอง ซึ่งเป็นป้อมกำแพงที่สำคัญอีกแห่งของกรุงโซล ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นแนวปกป้องทางตอนเหนือของกรุงโซลจากผู้รุกรานชาวจีน รวมถึงยังเป็นสถานที่ตั้งของวัดเก่าแก่ที่มีอายุกว่าร้อยปี และยังมีอาศรมนักพรตบนยอดเขาพูกันซานแห่งนี้ด้วย แต่สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจขึ้นมาท่องเที่ยว ก็ต้องมีความอดทนและความแข็งแรงกันสักหน่อยเพราะเส้นทางการปีนเขาค่อนข้างจะลำบาก เนื่องจากภูมิประเทศที่เป็นหินแกรนิตทำให้ภูเขาที่นี่มีความลื่นมากกว่าปกติ นอกจากอุทยานแห่งชาติพูกันซานแล้ว ประเทศเกาหลียังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นอุทยานแห่งชาติอีกหลายแห่ง ได้แก่ อุทยานแห่งชาติโซรัคซาน ซึ่งได้รับสมญานามว่าเป็นสวิตเซอร์แลนด์ของเกาหลี เนื่องจากเป็นยอดเขาที่มีจุดเด่นในเรื่องของทัศนียภาพอันสวยงาม อุทยานแห่งชาติจีรีซาน ที่ได้ชื่อว่าเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์บนคาบสมุทรเกาหลี ในอุทยานแห่งชาติประกอบไปด้วยพันธุ์ไม้หายากและยังเป็นที่ตั้งของวัดสำคัญ 7 แห่ง อุทยานแห่งชาติแนจังซาน ซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องความสวยงามของใบไม้เปลี่ยนสีในช่วงฤดูใบไม้ร่วง อีกทั้งยังเต็มไปด้วยพันธุ์ไม้ต่างๆ น้ำตก และวัดเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงเกือบ 10 แห่ง เมื่อได้ท่องเที่ยวและรู้จักอุทยานแห่งชาติในประเทศเกาหลีกันอย่างหอมปากหอมคอแล้ว ก็มาถึงเรื่องของอาหารการกินที่ขาดไม่ได้เมื่อมาเยือนประเทศนี้ ซึ่งหลายคนอาจจะสังเกตว่าอาหารเกาหลีนั้นจะมีข้าวชนิดหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะเป็น ข้าวสวยร้อนโปะหน้าด้วยผักหลายชนิด และไข่ดาว โดยวิธีการรับประทานนั้นจะต้องคลุกเครื่องทั้งหมดเข้าด้วยกัน ซึ่งข้าวลักษณะนี้มีชื่อว่า บิบิมบับ ที่หากหลายคนมาเยือนเกาหลีแล้วแนะนำว่าควรรับประทานบิบิมบับออริจินัลของที่นี่ดูสักครั้ง รับรองว่าจะต้องติดใจในความอร่อยอย่างแน่นอน

ทุกๆท่านเคยไปเที่ยวญี่ปุ่นกันบ้างไหม แล้วเคยไปในช่วงที่เป็นเทศกาลฤดูใบไม้ผลิกันบ้างหรือเปล่า หากยังไม่เคยไปอยากจะแนะนำให้ลองไปดูแล้วจะรู้ว่าความสวยงามเหนือคำบรรยายมีจริงๆ และเมื่อคุณได้สัมผัสคุณแทบจะตกอยู่ในห้วงแห่งความฝันกันเลยทีเดียวเพราะความสวยงามของอุโมงค์ดอกไม้ที่มีสีม่วงและหลากหลายสีจะทำให้คุณแทบจะลืมโลกแห่งความเป็นจริงกันเลยทีเดียว ซึ่งหากไปท่องเที่ยวญี่ปุ่นนั้น ส่วนใหญ่แล้วน่าจะไปกับทางบริษัททัวร์แต่บางคนก็จะไปกันเองแบบแบ็คแพ็คซึ่งหากไปกันเองจะทำให้เกิดความยุ่งยากมากขึ้นอีกหลากหลายประการทั้งในส่วนของการเตรียมตัวและในส่วนของเงินที่ต้องเตรียมไปบางทีอาจจะคำนวนได้ไม่ถูกต้อง จะทำให้การท่องเที่ยวกลายเป็นเรื่องหมดสนุกไปเลยทีเดียวละ แต่หากคุณได้เดินทางไปกับบริษัททัวร์แล้วปัญหาในเรื่องดังกล่าวจะหมดไปอย่างสิ้นเชิงเนื่องจากทางบริษัททัวร์ได้ดำเนินการเตรียมให้คุณหมดแล้วทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ที่พัก ร้านอาหาร ร้านของฝาก ของที่ระลึก การบรรยายให้ความรู้ตามสถานที่ต่างๆ อีกทั้งหากมีปัญหาในการสื่อสารยังคอยมีไกด์ที่ชำนาญภาษาญี่ปุ่นคอยให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดี จึงทำให้การเดินทางไปญี่ปุ่นกลายเป็นเรื่องที่ไม่น่ามีปัญหาและทำให้การเดินทางจะกลายเป็นเรื่องน่าประทับใจไปเลย คราวนี้เรามาดูกันว่า อุโมงค์สวน Kawashi Fuji Garden ที่ฟุกุโอกะมีความสวยงามขนาดไหน สถานที่ท่องเที่ยวช่วงปลายเดือนเมษายนถึงปลายเดือนพฤษภาคมโดยประวัติความเป็นมาของของสวนคาวาจิฟูจิการ์เด้นนั้นได้มีการเปิดให้บริการตั้งแต่ปี ค.ศ.1977 ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่สวนดอกไม้ที่เป็นทางเดินยาว 80 เมตรและ 220 เมตร โดยจะออกดอกเบ่งบานในช่วงปลายเดือน เมษายน ถึงกลางเดือนพฤษภาคมของแต่ละปี ซึ่งจะมีจุดเด่นอยู่ที่เมิ่อสิ้นสุดทางเดินจะมีต้นวิสทีเรียต้นใหญ่ยืนตระหง่านอยู่ทำให้เกิดความอลังการเว่อร์วังเหมือนตกอยู่ในโลกของความฝันในญี่ปุ่นและในส่วนของค่าเข้าชมตกอยู่ที่ประมาณ 150-1,000 เยน (แล้วแต่ช่วงฤดูกาล) และเมื่อดูกันจนอิ่มใจแล้วต่อมาก็ต้องอิ่มท้องซึ่งอาหารขึ้นชื่อของฟุกุโอกะก็คือ ซาซิมิปลาซาบะนั่นเองซึ่งเป็นที่ขึ้นชื่อลือชาของที่นี่กันเลยทีเดียวหากใครไม่ได้ทานถือได้ว่ามาไม่ถึงที่ และอาหารอีกอย่างหนึ่งซึ่งเป็นของพื้นเมืองเลยก็ว่าได้คือ อาหารพื้นเมืองของที่นี่มีลักษณะทำมาจากสาหร่ายทะเลนำมานึ่งจนแข็งและนำมาตัดเป็นแผ่นและนำมาจิ้มกับน้ำจิ้มหลากหลายชนิดให้เลือกสรรยิ่งได้ทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆแล้วจะให้สัมผัสที่แปลกไปอีกแบบเลยทีเดียว เมื่ออิ่มตาพร้อมกับอิ่มหนำแล้วก็ได้เวลาเข้าที่พักผ่อนอย่างสำราญกันแล้วแค่นี้ก็เป็นอันจบทริปญี่ปุ่นอันน่าประทับใจแล้ว

หลายต่อหลายท่านคงจะเคยไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นกันบ้างแล้ว แต่หลายคนที่ยังไม่ได้ไปอาจจะเคยได้ยินชื่อ สวน Baby blue eyes ว่ามีความสวยงามเป็นอย่างมากโดยเป็นดอกไม้ที่ออกตามช่วงฤดูกาลแถมยังเบ่งบานเต็มทุ่งเปรียบเสมือนอยู่ในโลกแห่งนิยายกันเลยก็ว่าได้ แล้วจะดีไหมถ้าหากได้ไปสัมผัสของจริงมากกว่าการจินตนาการซึ่งการไปญี่ปุ่นส่วนใหญ่แล้วหลายคนมักจะชอบไปแบบลุยเดี่ยว หรือไปกับเพื่อนแบบ 2 -3 คนแล้วไปลุยหาที่พักหรือโรงแรมเอาข้างหน้าแต่คราวนี้เราจะเปลี่ยนรูปแบบของการไปเที่ยวมาเป็นแบบไปเที่ยวกับบริษัททัวร์น่าจะดีกว่า ดีกว่ายังไงนะหรือ ดีตรงที่ว่าเราไม่ต้องไปเสี่ยงเจอกับสถานที่พักแบบที่ไม่ตรงกับตามที่ลงในโฆษณาหรือเสี่ยงกับร้านอาหารที่เราไม่รู้จักและแพงแสนแพง แถมการไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆบางแห่งถ้าไม่ได้ไปกับทัวร์เขาก็จะอนุญาตให้เข้าไปเนื่องจากต้องทำเรื่องเข้าเยี่ยมชมเพราะฉะนั้นแล้วการไปกับทัวร์จึงเหมาะสมกับการไปเที่ยวต่างประเทศมากกว่า คราวนี้เรามาดูกันว่าที่นี่มีดียังไง สวนBaby blue eyes ที่อิบารากิในญี่ปุ่นสวนนี้ส่วนใหญ่แล้วจะมีดอกไม้มากมายแล้วแต่ตามฤดูกาลต่างๆซึ่งดอกไม้แต่ละชนิดก็จะมีการเบ่งบานกันตามรอบต่างๆในส่วนของ Baby blue eyes นั้นจะมีการผลิดอกเบ่งบานในช่วงปลายเดือนเมษายน ถึงปลายเดือน พฤษภาคมซึ่งเป็นช่วงที่ดอกไม้ดังกล่าวกำลังผลิบานทำให้เวลาเดินไปบนพื้นแล้วเหมือนปูด้วยพรมสีฟ้าอ่อน ให้ความสวยงามเป็นอย่างยิ่งซึ่งดอกไม้ชนิดนี้เบ่งบานอยู่ในสวน Hitachi Seaside Park ในเมืองอิบารากิในญี่ปุ่นซึ่งมีดอกไม้นานพรรณผลิดอกออกผลเบ่งบานให้ทุกๆท่านได้ชื่นชมกับดอกไม้งามต่างๆนานาชนิดอีกด้วย และเมื่อได้เดินชมดอกไม้กันทั่วแล้วต่อไปก็คือการหาของกินนั่นเอง และใกล้ๆกันในสวนนี้มีไอศกรีมที่มีซอฟต์ครีมสีฟ้าอยู่ซึ่งเป็นสีเดียวกันกับดอกไม้เลย ซึ่งก็มีรสชาติดีอยู่เหมือนกัน และถัดออกมาใกล้ๆกันในส่วนของที่ใกล้กับชิงช้าจะเป็นสวนสนุกและมีขายไอศกรีมรสเลมอนและรสส้มซึ่งออกมาแนวเปรี้ยวหวานๆกลิ่นหอมดีเหมือนกัน น่าจะมาลิ้มลองรสชาติดู ราคาประมาณ 400 เยน และเมื่อออกมาจากสวนแล้วจะมีร้านเค้กอยู่หน้าสถานี katsuta ซึ่งจะมีเค้กนานาชนิดให้ลิ้มลองรวมไปถึงพายอีกนานาชนิดเช่นเดียวกันที่มีรสชาติหอมหวานน่าทานและที่สำคัญอร่อยมากซึ่งเมนูจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาลและวันสำคัญของญี่ปุ่นอีกด้วยเป็นอันจบการเที่ยวสวน baby blue eyes

ทุกท่านในที่นี้เคยไปเที่ยวญี่ปุ่นกันมาบ้างหรือยัง แล้วส่วนใหญ่แล้วไปเที่ยวกับทัวร์หรือไปเที่ยวเองแบบBackpacker ซึ่งหากไปเที่ยวแบบ Backpacker จะต้องมีความจำเป็นในส่วนของการเตรียมตัวในเรื่องของการเตรียมสิ่งของการเตรียมเงินสำหรับการเดินทางรวมไปถึงการศึกษาเส้นทางโดยละเอียดลงลึกไปถึงว่าต้องใช้เส้นทางใดในการไปมาระหว่างเมืองแต่เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วกับการเดินทางไปญี่ปุ่นโดยไปกับบริษัททัวร์ปัญหาต่างๆเหล่านั้นก็จะหมดไปและสิ่งหนึ่งที่ทัวร์มีให้คือการบริการคอยให้คำแนะนำตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งบางสถานที่เราอาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับวัฒนธรรมและประเพณีของทางประเทศของเขาซึ่งอาจจะทำให้เราทำอะไรผิดพลาดไปได้ และบางสถานที่ที่เราเองก็ไม่สามารถเข้าไปได้แต่ทางบริษัททัวร์สามารถทำเรื่องเข้าไปเยี่ยมชมได้เป็นกรณีพิเศษอย่าง การไปปราสาททองที่ถือได้ว่าเป็นสถานที่ที่ต้องไปเยือนสักครั้งในชีวิตให้ได้เนื่องด้วยความสวยงามของสถานที่และความสำคัญของสถานที่ดังกล่าว คราวนี้เรามาดูกันว่าส่วนใหญ่แล้วบริษัททัวร์จะมีการแยกการโปรแกรมสำหรับการเข้าเยี่ยมชมตามสถานที่แต่ละแห่ง แต่ละโปรแกรมทัวร์ก็จะมีให้ไม่เหมือนกันซึ่งหากทางลูกค้ามีความประสงค์ในการเข้าชมในสถานที่ใดก็ต้องเลือกตามโปรแกรมที่ได้กำหนดเอาไว้ให้ และจะมีการบรรยายถึงความสำคัญของแต่ละสถานที่ ซึ่งในที่นี้ปราสาททองญี่ปุ่นได้มีการบ่งบอกถึงลักษณะของความสำคัญของปราสาทไว้ว่าเป็นสถานที่ที่สร้างโดยโชกุน อาชิคางะ โยชิมิสึ เพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับการพักผ่อนหย่อนใจของทางโชกุนแต่ต่อมาลูกชายของท่านได้ปรับเปลี่ยนเป็นวัด และต่อมาได้ถูกไฟไหม้ขึ้นจึงได้มีการบูรณะและปิดทองคำเปลวไว้ทั้งหลังเพื่อให้สะท้อนถึงความงามเวลาที่มองจากในน้ำนับได้ว่าเป็นสถานที่ที่ควรไปสำหรับการเก็บไว้ในความทรงจำเป็นอย่างยิ่ง และสิ่งที่สำคัญหลังจากที่เราไปเที่ยวกันแล้วกองทัพต้องเดินด้วยท้องใช่ไหม ส่วนใหญ่แล้วบริษัททัวร์มักจะเลือกร้านอาหารให้เราเรียบร้อยแล้วและร้านอาหารที่ไม่ไกลจากปราสาททองส่วนใหญ่แล้วจะเป็นร้านอาหารที่มีลักษณะการจัดสวนสไตล์ญี่ปุ่นกันตั้งแต่ทางเข้ากันเลยทีเดียว และอาหารที่เสริฟส่วนใหญ่แล้วจะมาเป็น Set ซึ่ง Set ยอดนิยมเห็นจะเป็น Tempura set ซึ่งชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าต้องเป็นกุ้งทอดเทมปุระซึ่งการนำกุ้งมาทอดให้เหลืองและกรอบตามสไตล์ของที่นี่บวกกับน้ำซุปเต้าเจี้ยวและสาหร่ายยิ่งทำให้มีความอร่อยและหอมแบบไม่รู้ลืมกันเลยทีเดียว หลังจากได้ทานอาหารอิ่มหนำสำราญกันแล้วทางบริษัทก็อาจจะให้เดินเล่นตามอัธยาศัยก่อนเข้าที่พักซึ่งเป็นหลักเหมือนกันทุกทัวร์ แล้วจะรอช้าอยู่ทำไมเลือกทัวร์ไปญี่ปุ่นกันได้หรือยัง

การไปท่องเที่ยวตามประเทศต่างๆ หากเราไม่รู้หรือไม่ทราบเกี่ยวกับวัฒนธรรมหรือความหมายการกระทำบางอย่างของคนแต่ละประเทศก็จะทำให้เราปฎิบัติได้แบบผิดธรรมเนียม หรือไม่ถูกต้องและอาจะเป็นที่จับตามองของคนในพื้นที่หรือในท้องถิ่นนั้นๆก็เป็นได้ ฉะนั้นแล้วการไปท่องเที่ยวก็เช่นเดียวกันกับการไปเยี่ยมบ้านแต่ละบ้านหากเราปฎิบัติไม่ถูกต้องตามธรรมเนียมของเจ้าของบ้านแล้วเราอาจจะถูกมองแบบแปลกๆได้เหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าวัดเข้าวาของประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศที่ค่อนข้างจะให้ความสำคัญกับในเรื่องของการไหว้พระหรือการไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในศาลเจ้าของประเทศนี้หากเราทำถูกต้องตามขนบธรรมเนียมและประเพณีของคนพื้นเมืองที่นี่ก็ไม่มีปัญหาแต่หากทำผิดรูปแบบแล้วอาจจะถูกมองแบบตลกๆก็เป็นได้ อย่างเช่น การไปวัดอาซากุสะที่โด่งดังหากเราเดินทางไปด้วยตัวคนเดียวอาจจะเป็นที่ครหาหากเราปฎิบัติผิดรูปแบบ แต่หากเราเดินทางไปกับบริษัททัวร์แล้วเราก็จะหมดความกังวลเกี่ยวกับการปฎิบัติตัวในการเข้าวัดที่ญี่ปุ่นไปในทันทีโดยเฉพาะอย่างยิ่งวัดดังๆอย่างอาซากุสะ ซึ่งการมาวัดอาซากุสะในญี่ปุ่นนั้นส่วนใหญ่แล้วผู้คนที่มาจะมากราบขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในวัดได้แก่ เจ้าแม่กวนอิม ทำมาจากทองสัมฤทธิ์ที่มีขนาดเพียง 5.5 ซม.และยังเป็นวัดพุทธที่เก่าแก่ที่สุดในภูมิภาคคันโต อีกทั้งยังมีในส่วนของประตูฟ้าคำรณที่มีโคมไฟขนาดยักษ์ที่มีความสูงถึง 4.5 เมตรอยู่ตรงประตูวัด อีกทั้งยังมีในส่วนของเครื่องรางของขลังให้ทางลูกค้าได้เลือกชมสินค้ากันตามความพอใจกันเลยทีเดียว อีกทั้งทางลูกค้ายังสามารถเลือกชมและเลือกถ่ายรูปคู่กับส่วนของโตเกียวสกายทรีได้อีกด้วยซึ่งสถานที่แห่งนี้ถือได้ว่าเป็น Landmark ของญี่ปุ่นแห่งใหม่ในโตเกียวกันเลยทีเดียวซึ่งทางคนที่ไปท่องเที่ยวยังสามารถถ่ายรูปกับสถานที่แห่งนี้ได้จากมุมของวัดแห่งนี้ได้โดยตรงโดยไม่ต้องเดินทางไปถึงโตเกียวสกายทรีเลย เมื่อท่องเที่ยวกันแบบจุใจกับการเก็บภาพแล้วต่อไปก็เป็นเรื่องของปากท้องกันนั่นคือ เรื่องกิน กิน และกิน ในที่นี้มีร้านอาหารดังๆอยู่แถววัดอาซากุสะหลายร้าน แต่ในที่นี้จะขอแนะนำเป็นร้านปลาไหลย่างซึ่งบางท่านอาจจะชื่นชอบในการทานเป็นทุนเดิมอยู่แล้วหรือบางท่านอาจจะอยากลองทานข้าวปลาไหลย่างดูแนะนำเป็นร้านโอยานางิซึ่งเป็นร้านต้นตำรับดั้งเดิมที่มีรายการโทรทัศน์หลายต่อหลายราการมาถ่ายทำอีกทั้งยังมีขาประจำกันอย่างเนืองแน่นซึ่งสูตรเด็ดอยู่ที่น้ำจิ้มราดปลาไหลย่างนั่นเอง และหลังจากอิ่มกับของคาวแล้วมาต่อด้วยของหวานร้านขนมอาซากุสะอุเมะโซโนะ ซึ่งขึ้นชื่อด้านการทำขนม “อุวะเซ็นไซ” ซึ่งก็คือขนมถั่วแดงนั่นเองนำมาต้มน้ำตาลและราดลงบนขนมโมจิอันเหนียวหนึบให้ความหวานและความนุ่มหนึบไปอีกแบบหนึ่งชนิดที่ว่าทานแล้วจะประทับใจมิรู้ลืมแค่นี้ก็เป็นอันจบกับการเดินทางไปวัดอาซากุสะและยังคงมีความประทับใจในทุกด้านลองมาดู

หลายๆท่านที่ตัดสินใจหรือยังไม่ตัดสินใจเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นอาจจะด้วยสาเหตุใดก็ตามอาจจะยังไม่มีแพลนในการเดินทาง หรือยังไม่รู้เลยว่าจะไปกับทัวร์ไหนดี หรือยังไม่รู้เลยว่าที่นั่นมีอะไรที่น่าเที่ยวบ้าง เราลองมาดูกันว่ามีที่ไหนที่น่าเที่ยวกันบ้างซึ่งจุดเด่นของแต่ละที่แต่ละจังหวัดก็จะไม่เหมือนกันแตกต่างกันออกไปตามเขตเมืองต่างๆซึ่งในที่นี้ หลายๆคนอาจจะชื่นชอบหรือชื่นชมกับสถาปัตยกรรมการก่อสร้างของที่ดูแล้วว่ามีความลึกลับน่าค้นหาและดูน่าเกรงขามอย่างปราสาทนางาโน่ซึ่งดูผิวเผินแล้วอาจจะไม่ค่อยมีอะไรมากมาย แต่กลับมีทัวร์หลายที่และหลายแห่งได้เพิ่มสถานที่นี้ลงไปในโปรแกรมทัวร์ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความน่าสนใจของสถานที่ดังกล่าวแห่งนี้ เรามาดูกันว่าสถานที่แห่งนี้ในญี่ปุ่นทำไมจึงให้ความสำคัญกับปราสาทนางาโน่ ก่อนอื่นเลยโปรแกรมทัวร์หลายๆแห่งต่างให้ความสำคัญกับปราสาทนางาโน่ในญี่ปุ่นเนื่องจากสาเหตุใด เรามาดูกัน การที่ปราสาทนางาโน่หลายๆโปรแกรมทัวร์ต่างก็ให้ความสำคัญเนื่องมาจากที่ปราสาทนางาโน่นี้มีต้นตำนานเดิมมาจากการเป็นที่ซ่องสุมแหล่งฝึกนินจาของญี่ปุ่นจึงทำให้เกิดเป็นตำนานการมีนินจาของที่นี้อีกทั้งก่อนหน้านี้นอกจากนั้นในส่วนของความเป็นมาของปราสาทหลังนี้ได้มีการก่อสร้างโดยการใช้ไม้เป็นจำนวนมากและให้ความสำคัญกับการก่อสร้างเป็นอย่างมากเนื่องจากต้องให้มีความสวยงามตามแบบสถาปัตยกรรมร่วมสมัยของญี่ปุ่นอีกด้วย ซึ่งการให้ความสำคัญในส่วนของสถาปัตยกรรมของบ้านเมืองญี่ปุ่นทำให้คนส่วนใหญ่หลงใหลในการไปชมความงามตามสถานที่ต่างๆซึ่งทัวร์แต่ละที่ต่างก็ให้ความสำคัญกับการพาเที่ยวชมตามปราสาทต่างๆของประเทศของเขา โดยการไปตามโปรแกรมทัวร์หรือกับบริษัททัวร์มีข้อดีคือการท่องเที่ยวไปตามสถานที่ต่างๆไม่ต้องไปสุ่มตามแผนที่และไม่ต้องไปถามทางกับคนในพื้นที่ทำให้ไม่เสียเวลาในการเดินทาง อีกทั้งในส่วนของอาหารการกินก็หาไม่ยากอย่างที่คิดเนื่องจากพื้นที่ใกล้เคียงกับปราสาทนางาโน่ยังมีไร่ที่ทำวาซาบิซึ่งก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่าวาซาบิเป็นของประจำชาติเลยก็ว่าได้ซึ่งไร่วาซาบินี้มีการเสริฟอาหารที่ทำจากวาซาบิอยู่มากมายที่เป็นเอกลักษณ์ก็เห็นจะเป็น ข้าวแกงวาซาบิ มันทอดวาซาบิ หรือแม้แต่เป็นไอศกรีมวาซาบิ รวมไปถึงคนที่ชื่นชอบการทานเบียร์ต้องลิ้มลองนี่เลย เบียร์วาซาบิลองดูสิว่ารสชาติของเบียร์วาซาบิจะเผ็ดร้อนเหมือนกับวาซาบิที่ใช้ทานคู่กับซูชิหรือไม่ แล้วคุณจะประทับใจมิรู้ลืมกับ ปราสาทนางาโน่

ความอ่อนโยน ความมีระเบียบวินัย ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียวไม่ว่าเราจะเดินไปทางไหน เราก็จะได้เห็ฯรอยยิ้มที่ตนของเขาส่งมอบให้กัน เป็นความสัมพันธ์ที่ดีมากเลย และสำหรับใครที่จะเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่น รับรองว่าคุณจะได้รับความประทับจากสิ่งต่างๆที่พบเจอให้ประเทศนี้อย่างแน่นอน อาทิเช่น แหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม เป็นธรรมชาติที่ให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลาย เรื่องอาหารที่มีวัฒนธรรมสร้างความเป็นตัวเองให้รูปแบบของประเทศนี้ หรือเรื่องของแฟชั่น ความน่ารักใสๆ ที่เราจะทราบกันได้อย่างดีเลยว่าประเทศนี้จะมีการแต่งตัวที่น่ารัก ด้วยการใช้สีสันต์ที่หวานๆ อย่างสีชมพู หรือสีที่ดูแล้วให้ความรู้สึกที่สบายๆ ซึ่งการแต่งตัวของเขานี้ จะแต่งกันเป็นประจำของทุกวันในกลุ่มของวัยรุ่น ซึ่งถือว่าเป็นจุดสนใจอย่างมากเมื่อเราได้พบเห็น ท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยความสวยงาม การเป็นเอกลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่นนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของการแต่งกายที่คิวาอิแล้ว เรื่องแหล่งท่องเที่ยวก็ไม่แพ้กันเรื่องของความสวยงามที่ดูแล้วต้องมาอีกอย่างแน่นอน ซึ่งแหล่งท่องเที่ยวในประเทศนี้จะมุ่งไปที่บรรยายกาศที่ปลอดโปร่งอย่าง Kawachi Fuji Garden ฟุกุโอกะ ซึ่งจะเหมือนกับอุโมงค์ที่เต็มไปด้วยดอกไม้สีสันสดใส ให้ความรู้สึกที่สดชื่น มีต้น Wisteria เป็นตัวหลักของอุโมงค์ดอกไม้แห่งนี้ หรือใครที่อยากไปสัมผัสหิมะ ก็ขอแนะนำที่นี้เลย Zao Ski Resort ยามากาตะ ซึ่งถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวเองหรือคนในประเทศนิยมกันมาเป็นอย่างมากในช่วงฤดูหนาว เพราะจะมีหิมะสีขาวล้อมรอบภูเขาสีเขียวดูแล้วเหมือนในเทพนิยายที่เราเคยอ่านกันในตอนเด็กๆ และจะมีการเล่นสกีเพื่อเพิ่มความสวยงามให้กับที่นี้อีกด้วย และเมื่อเดินทางกันมาเหนื่อย หิวๆกันมาก็ต้องมีอาหารที่อร่อยๆมาคอยเพิ่มพลังให้กับเหล่านักเดินทางทุกคนและอาหารของประเทศญี่ปุ่นอันดับแรกที่เรานึกถึงกันเลยนั้นก็คือ ซูชิและซาซิมิ ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาลักษณ์ของประเทศเขาเลยทีเดียว มีความสดของเนื้อปลาต่างๆที่ได้จับมาวางกับข้าวปั้นสูตรพิเศษของชาวญี่ปุ่น คงเป็นสวรรค์ของใครๆที่ชอบทานอาหารประเภทนี้เลยก็ว่าได้ และอาหารอีกอย่างนึ่งที่คนที่นี้นิยมทานกันนั้นก็คือ ยากินิคุ (Yakiniku) หรือเนื้อยางนั้นเอง คนที่นี้จะนิยมทานกับเบียร์ทำให้รู้สึกกระปรีกระเปร่ามากขึ้นหลังจากทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยตลอดทั้งวัน ประเทศญี่ปุ่นนี้มีความโดดเด่นอีกมากมายให้ทุกท่านได้มาลองสัมผัสกัน ไม่แน่คุณอาจจะตกหลุมรักประเทศนี้เลยทีเดียว

ญี่ปุ่น เป็นอีกหนึ่งประเทศในแถบเอเชียที่มีมนต์เสน่ห์ชวนให้มาเยือน ด้วยความงดงามของสถานที่ต่างๆสะท้อนถึงอารยะธรรมและความเป็นอยู่ของประชากร ที่สามารถรับรู้ได้ถึงความเป็นมาของคนที่อยู่อาศัยกันได้อย่างดีกว่าการบอกเล่าจากคนอื่น มีสถาปัตยกรรมที่เต็มไปด้วยงานศิลปะแบบฉบับชาวเอเชีย มีทั้งความหรูหราอลังการรวมไปถึงความวิจิตรงดงามที่ชวนให้คุณหลงใหลได้ปลื้มและติดอกติดใจกับวัฒนธรรมของประเทศนี้ได้อย่างไม่รู้เบื่อกันเลย รวมไปถึงความสะดวกสบายในการเดินทาง สาธารณูปโภคก็ทันสมัย ทั้งโรงแรมและที่พักเรียกว่าระดับห้าดาวกันเลย ญี่ปุ่น จึงเป็นประเทศอันดับต้นๆที่หลายคนอยากมาเยือนเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์แห่งความประทับใจในการออกท่องเที่ยวบนโลกใบกว้างของตัวคุณเอง อยากให้คุณได้มาสัมผัส ญี่ปุ่น มีเสน่ห์ที่ชวนหลงใหลในเรื่องของโลเคชั่น ที่มีกลิ่นไอของความโรแมนติคของสถานที่อยู่แทบทุกที่ ด้วยความเงียบสงบและผู้คนต่างมีระเบียบวินัยในการใช้ชีวิต ทำให้ประชากรไม่วุ่นวาย จึงทำให้บรรยากาศของประเทศนี้กลายเป็นที่ที่น่าท่องเที่ยว เหมาะแก่การมาพักผ่อนหย่อนใจกันอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะมาเดี่ยว มาเป็นคู่ หรือมากันแบบหมู่คณะ เชื่อว่าต้องได้ความประทับใจกลับบ้านไปกันอย่างแน่นอน เราไม่พลาดที่จะมาเสนอแนะสถานที่ท่องเที่ยวภายในประเทศญี่ปุ่นมาเพื่อเป็นไกด์ไลน์ให้กับคุณได้ตัดสินใจเช็คลิสต์ก่อนการออกเดินทางสู่ประเทศนี้ สถานที่แห่งนี้คือ ปราสาทคินคาคุจิ ( Kinkaku ) หรือปราสาททอง ซึ่งมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า วัดโระคุงอนจิ ตัวประสาทเป็นสีทองจากทองคำเปลว ทำให้ประสาทแห่งนี้ดูสวยสง่างามและดูหรูหราอลังการมากๆ เชื่อว่าผู้คนที่พบเห็นต่างต้องตะลึงในความเลิศหรูของประสาททองแห่งนี้อย่างแน่นอน อีกหนึ่งจุดเด่นของประสาททองแห่งนี้คือ รูปหล่อนกฟีนิกซ์บนยอดปราสาท ทำให้ยิ่งดูโดดเด่นและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้อย่างน่าสนใจและสมบูรณ์แบบที่สุด บรรยากาศรอบๆของประสาทก็เต็มไปด้วยวิวทิวทัศน์ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ ไม่ว่าจะต้นไม้หรือลำธารที่ยิ่งช่วยชูรสให้กับประสาทดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้นไปอีก ส่วนอาหารที่พลาดไม่ได้เลยคือ shaved ice และชาเขียว ซึ่งเป็นรสชาติในแบบต้นตำรับอย่างแท้จริง เชื่อว่าได้ลิ้มรสแล้วคุณต้องติดใจและรู้สึกฟิลไปกับสถานที่ท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นไปอีกเท่าตัวกันเลย ญี่ปุ่น ยังมีสถานที่อีกมากมายรอให้คุณได้ไปสัมผัส เชื่อว่าหากคุณได้มาเยือนครั้งหนึ่งแล้วต้องอยากกลับมาอีกหลายๆครั้งอย่างแน่นอน ด้วยเสน่ห์ของบรรยากาศและสถานที่ที่แสนจะประทับใจ และจะทำให้คุณต้องตกหลุมรักประเทศนี้ไปอีกยาวนาน